นิสัยควรเลิก! หากไม่อยากให้รถพังเร็ว

นิสัยควรเลิก! หากไม่อยากให้รถพังเร็ว


คุณรู้หรือไม่ว่า นิสัยบางประการของผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวที่ทำจนเคยชิน มีผลทำให้รถยนต์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นกว่าที่ควรจะเป็นหลายข้อ บางนิสัยก็ถึงกับให้รถใหม่ๆ ต้องนำเข้าศูนย์บริการเลยก็เป็นได้ หากไม่อยากให้รถยนต์ที่คุณรักต้องเข้าซ่อมบ่อย หรือเสื่อมคุณภาพเร็ว มาศึกษาเรื่องที่ไม่ควรปฏิบัติกับรถยนต์จนติดเป็นนิสัย เรื่องไหนควรเลิกทำเด็ดขาดบ้าง เพื่อให้รักษารถยนต์ให้มีสมถรรณะดี ใช้งานได้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไป


1. สตาร์ทรถเหยียบคันเร่งออกตัวทันที

       สำหรับท่านใดทุกครั้งที่สตาร์ทรถและไม่รอให้เครื่องยนต์ได้อุ่นเครื่องก่อนเหยียบคันเร่งออกตัวเลย ปฎิบัติเช่นนี้บ่อยครั้งนานๆ เข้าจะทำให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์สั้นลงและท้ายที่สุดนั้นต้องเตรียมใจ เตรียมเงินในกระเป๋ายกเครื่องยนต์ใหม่เลยทีเดียว การปฏิบัติที่ถูกต้องคือ หลังสตาร์ทรถให้อุ่นเครื่องทิ้งไว้ 3-5 นาทีเป็นอย่างน้อยหลังจากนั้นก็ค่อยๆ ออกตัวขับเรื่อยๆ อย่าเพิ่งเร่งเครื่องหรือใช้ความเร็วแรง


2. ไม่สนใจไฟเตือนระบบรถยนต์ที่หน้าปัด

       ไฟเตือนระบบรถยนต์ หรือทั่วไปเรียกกันว่าไฟหน้าปัดรถยนต์จะช่วยบอกถึงความผิดปกติของระบบรถยนต์ของคุณ อย่างน้อยที่สุดแล้วก็ช่วยเตือนให้สังเกตุเห็นความผิดปกติภายในรถยนต์ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ฉะนั้นหากมีไฟเตือนขึ้นไม่ควรเพิกเฉย เพื่อความปลอดภัยต่อคุณและรถยนต์ สามารถดู วิธีการดูสัญญาณเตือนหน้าปัดรถได้ง่ายๆ ด้วยตัวคุณ


3. ปล่อยให้ของเหลวแห้งคอด

       ของเหลวเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยในการทำงานของเครื่องยนต์ภายในรถ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำยาในหม้อน้ำ เป็นต้น ซึ่งน้ำมันเหล่านี้จะช่วยลดการเสียดสีของเครื่องยนต์ และเมื่อถึงระยะเวลาเปลี่ยนถ่าย หรือเติม หากเพิกเฉยไม่นำรถไป เข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนและเติมก็อาจทำในระบบเครื่องยนต์เกิดการเสื่อมสภาพ ซึ่งอาจจะทำให้ต้องเปลี่ยนยกเครื่องเลยก็เป็นได้


4. ใช้ความรุนแรง

       ไม่ว่าจะทางขรุขระ เจอลูกระนาดหรือเนินหลังเต่าแล้วไม่ชะลอลดความเร็ว, บรรทุกของหนักเกินไป หรือการใช้รถที่เกินลิมิต อาจทำให้รถของคุณพังเร็วขึ้น ยิ่งการออกตัวแรง, เบรกรถกะทันหัน เหยียบคันเร่ง ยิ่งทำให้ช่วงล่างรถพังเร็วยิ่งขึ้น ควรเปลี่ยนมาขับให้ช้าลงหลบหลุมหลบบ่อ ทางขรุขระ ลาดชัน รวมถึงหมั่นเข้าศูนย์ตรวจเช็คสภาพใต้ท้องเครื่อง


5. เหยียบคันเร่งจนมิด หรือคิกดาวน์บ่อยๆ 

       การทำแบบนี้ถือว่ามีผลเสียร้ายแรงมากๆ กับรถ เพราะการที่เร่งหรือเหยียบคันเร่งลงไปจนสุด เพื่อเรียกรอบในการเร่งแซง หรือเร่งความเร็วขณะที่ถนนโล่งๆ เป็นการกระทำที่ส่งผลเสียต่อระบบเกียร์โดยตรง ชุดฟันเฟืองต่างๆ ในระบบเกียร์ต้องรับภาระหนักจากแรงบิดที่เพิ่มขึ้น และอัตราการทดจะถูกลดลงไปยังตำแหน่งที่ต่ำกว่าแบบทันที


6. ขับเร็วเกินลิมิต

       ความเร็วกับรถยนต์เป็นสิ่งที่คู่กัน ซึ่งเวลาขับทางไกลบ่อยๆ หลายคนต้องมีการลองเครื่อง ลองความแรงของรถกันบ้าง และยิ่งเจอทางตรงถนนโล่งๆ ต้องรีบเหยียบคันเร่งมิดกันทุกราย พฤติกรรมแบบนี้ ส่งผลเสียให้กับรถยนต์หลายอย่าง อาทิเช่น ระบบเกียร์โดยเฉพาะในรถเกียร์ออโต้ เพราะการเหยียบคันเร่งจนมิดเป็นการเรียกรอบเพื่อให้รถพุ่งไปได้อย่างเร็วและแรง แต่ผลเสียคือ ระบบเกียร์จะมีอายุการใช้งานจะสั้นลง เพราะเนื่องจากชุดเฟืองในระบบเกียร์ต้องรับภาระจากแรงบิดที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง


7. ดับเครื่องแล้วลืมปิดแอร์

       หลายคนน่าจะเผลอจนอาจจะชินกับการที่ดับเครื่องแล้วลืมที่จะปิดแอร์ในรถ จะส่งผลเสียในระยะยาวอย่างมาก เนื่องจากเมื่อกลับมาสตาร์ทรถจะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ทำงานทันที เพราะเวลาเริ่มสตาร์รถเป็นการเรียกช่วงรอบเครื่องยนต์พุ่งขึ้นสูง เนื่องจากต้องเพิ่มแรงดันน้ำมันไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ทำให้มีการกระชากของคอมเพรสเซอร์แอร์ ส่งผลให้แอร์รถพังเร็วขึ้น


8. รถติดบนถนนแล้วเข้าเกียร์ P 

       ไม่ว่าจะติดไฟแดง หรือจอดไว้ข้างทางที่มีรถวิ่งอยู่ หากเข้าเกียร์ P ไว้ สลักล็อกในชุดเกียร์ก็จะทำงาน ทำให้เมื่อเกิดอุบัติถูกชนท้ายขึ้นมา มันก็จะก่อให้เกิดความเสียหายกับชุดเกียร์มากขึ้น ดังนั้นคุณจึงควรใช้เกียร์ P เฉพาะบางพื้นที่ที่จอดสนิท เช่น จอดรถในบ้าน, ที่จอดรถในห้าง หรืออาคารจอดรถ


9. เข้าเกียร์ N แล้วปล่อยรถไหลไปตามทาง 

       บางครั้งอาจปล่อยไหลลงสะพาน หรือก่อนจะถึงไฟแดง ซึ่งการทำแบบนี้ถือว่าไม่สมควรทำอย่างยิ่ง เพราะคุณจะทำให้ชุดเกียร์ที่หมุนขบกันไปมาตลอดเวลา ขาดน้ำมันเกียร์ เนื่องจากการเข้าเกียร์ N จะทำให้ชุดเกียร์ไม่สามารถใช้น้ำมันเกียร์เข้ามาหล่อลื่นได้ ทำให้เกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ และก่อให้เกิดความเสียหายในชุดเกียร์

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี้

ที่มา : www.tipinsure.com

 1430
ผู้เข้าชม

gps

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์