ภาพ: http://cargotalk.in/
กระทรวงพาณิชย์ดันธุรกิจ SMEs ด้านโลจิสติกส์ เพื่อเร่งใช้ประโยชน์จากโครงการ “วันเบลท์วันโรด” ของจีน หวังขึ้นนำด้านโลจิสติกส์
รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่าผู้ประกอบการในไทยต้องเร่งปรับตัวพัฒนาประสิทธิภาพ เพื่อสร้างโอกาสให้ไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน และเข้าไปเชื่อมโยงเส้นทางสายไหมใหม่หรือ “วันเบลท์วันโรด” ของจีน เพื่อเชื่อมโยงผู้ประกอบการจากประเทศต่างๆ ให้ตอบรับสู่ยุคธุรกิจดิจิทัล เพราะจะทำให้ผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดกลาง(SMEs) ผู้เริ่มต้นธุรกิจ(Startup) มีต้นทุนที่ลดลง แต่สามารถกระจายธุรกิจออกไปได้กว้างขึ้น
ทั้งผู้ประกอบการ SMEs ต้องเร่งปรับตัวและพัฒนาประสิทธิภาพทั้งการให้บริการ การบริหาร จัดการมาตรฐาน รวมทั้งใช้เทคโนโลยีต่างๆ เพื่อให้ทันต่อโลกในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องของการเปิดเส้นทางสายไหมใหม่หรือวันเบลท์วันโรด จะส่งผลกระทบสูงมากในหลายๆด้าน ด้านโลจิสติกส์ก็ด้วยเช่นกัน หากผู้ประกอบการปรับตัวช้าเกินไปก็จะตกยุค โดย SMEs นั้นโอกาสรอดเป็นไปได้ยากมากถ้าตามตลาด ตามโลกไม่ทัน
สำหรับโครงการวันเบลท์วันโรดนั้น มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 1.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ จะเป็นการเชื่อมโยงการขนส่งทั้งทางบอก ทางอากาศ และทางน้ำเข้าด้วยกัน ส่งผลดีต่อผู้ประกอบการโลจิสติกส์ของไทย ให้เกิดการพัฒนาและสามารถขยายธุรกิจต่อได้ โดยโครงการนี้จะนำไปถึงการเชื่อมโยงการคมนาคมมากถึง 64 ประเทศทั่วโลก และไทยเองก็ได้เปรียบจากเรื่องที่ตั้งที่ถือเป็นศูนย์กลางของอาเซียนด้วย จึงไม่ควรหลุดจากการเชื่อมโยงในโครงการดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ไทยเองเป็นเสมือนประตูสู่อาเซียน
ช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) ของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างไทยและจีน สูงถึง 28,884 ล้านเหรียญฯ สูงเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน ดังนั้นหากเชื่อมโยงกันแล้วจะได้รับประโยชน์จากการค้าการลงทุนที่มีขึ้นอีก อีกทั้งยังจะมีความร่วมมือด้านนโยบายการค้า การลงทุน และการเงินร่วมกับจีนอีก และผู้ประกอบการรายต่างๆใยไทยยังจะสามารถกระจายสินค้าไปยังตลาดใหม่ๆทั่วโลกได้สะดวกขึ้นด้วย ภายใต้ต้นทุนที่ลดลง ทำให้ไทยก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคได้อย่างเต็มตัว
ข้อมูล: https://www.thairath.co.th/
